เที่ยว ชมวาฬ-ส่องสัตว์ ที่ ประเทศศรีลังกา

ประเทศศรีลังกา เดินทางไปศรีลังกา ซึ่งเป็นประเทศเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรอินเดียของเอเชีย ล่องเรือชมปลาวาฬ นั่งรถจี๊ปซาฟารีและล่าเสือดาว สัมผัสร่องรอยและอารยธรรมในยุคอาณานิคม ดื่มด่ำไปกับสถาปัตยกรรมยุโรปที่สวยงามแปลกตา อย่าลืมดื่มชาซีลอนอันโด่งดัง

เกิดขึ้นหลังจากที่ศรีลังกายกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย หลายๆ คนคงอยากสัมผัสดินแดนแห่งไข่มุกในมหาสมุทรอินเดียสักครั้ง และเราคือหนึ่งในนั้น และด้วยทริปพิเศษที่เคทีซี “เที่ยวศรีลังกากับเคทีซี” เราสำรวจเส้นทางใหม่ 4 วัน 3 คืน ในรูปแบบที่แตกต่างที่นอกเหนือไปจากการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ . ทำได้. เอ่อ แต่ก่อนไปศรีลังกาเราแวะทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า

 

ประเทศศรีลังกา …เรื่องน่ารู้

 

 

ประเทศศรีลังกา (Sri Lanka) หรือชื่อทางการว่า “สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา” เป็นประเทศเกาะในมหาสมุทรอินเดียตอนเหนือ มี “โคลัมโบ” (Colombo) เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของประเทศ ปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ

โดยที่มีภาษาสิงหลและทมิฬเป็นภาษาประจำชาติ และภาษาอังกฤษเป็นภาษาสื่อสารตามรัฐธรรมนูญ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และมีเวลาช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง ขณะที่สภาพอากาศจะเป็นแบบร้อนชื้นคล้าย ๆ บ้านเรา

สมบูรณ์แบบในทุกด้าน แม้จะเป็นธรรมชาติ สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม หรืออาหารที่ปรุงด้วยถั่ว กระเทียม หัวหอม กะทิ และปลาท้องถิ่น เพิ่มเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติค่อนข้างเผ็ด ชาวศรีลังกาชอบกินอาหารด้วยมือ พวกเขากินทั้งข้าวและแป้งคล้ายโรตีที่เรียกว่าจาปาตี เอาล่ะมาทำความรู้จักกับศรีลังกาให้มากขึ้นกันดีกว่า ได้เวลาทะยานสู่ท้องฟ้าและเดินทางไปยังศรีลังกา

 

เที่ยวศรีลังกา

 

 

เมื่อฉันลงจากเที่ยวบินของ SriLankan Airlines สิ่งแรกที่กระทบใจฉันคืออากาศชื้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จนผมหยิบหมวกมาสวม สนามบินนานาชาติบันดาราไนเกอยู่ตรงหน้าเรา ถือเป็นการมาเยือนโคลัมโบอย่างเป็นทางการของเรา

ขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าคมและสงบเดินเข้ามาโดยไม่ตกใจ หลังจากรับสัมภาระแล้ว ฉันก็มุ่งหน้าตรงไปยังสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราหน้าสนามบิน

ไกด์นำเที่ยวของเราแนะนำให้เราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐเป็นรูปีศรีลังกาที่สนามบิน นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์มากมาย หากพบช่องที่ชอบก็สามารถเข้าร่วมได้ทันที ราคาเท่าเดิม (1 บาท เท่ากับ 5.95 รูปีศรีลังกา *ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562)

 

Day 1 : เที่ยวเมืองกอลล์ ดื่มด่ำกลิ่นอายยุคอาณานิคม ชมพระอาทิตย์ตกทะเลวิวพาโนรามา

 

 

ออกเดินทางจากสนามบินด้วยรถบัสขนาดใหญ่ ทันทีที่ฉันก้าวลงจากรถพร้อมกลุ่มคนกว่า 40 คนไปยัง เมืองกอลล์ ประเทศศรีลังกา เมืองชายทะเลที่สวยงามและมีเสน่ห์ ฉันก็ได้ยินเสียงรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และรถตุ๊กตุ๊กมาทักทายฉัน ผู้ชายราว 20 คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผิวคล้ำ หน้าคม ยืนล้อมเรา เชิญชวนให้เราขึ้นรถตุ๊กตุ๊กเที่ยวเมืองกอลล์ ฉันอยู่ที่นั่น

“อายุบวร” เสียงทักทายว่าสวัสดีดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง หันกลับไปเจอกับชายหนุ่มรูปร่างเล็ก ผมดำ ผิวเข้ม ที่ส่งยิ้มกว้างให้อย่างเป็นมิตร “ราชัน” คือโชเฟอร์รถตุ๊กตุ๊กที่ชักชวนให้เรานั่งรถชมเมืองไปด้วยกันกับเขา นิ่งอยู่เพียงครู่อึดใจก็ตกลงปลงใจตามเขาไปอย่างใจง่าย พร้อมกับกวักมือเรียกเพื่อนสาวให้นั่งรถไปด้วยกัน เพราะรถตุ๊กตุ๊กของที่นี่สามารถนั่งได้ 2 คน

รถขับออกไปด้วยความเร็วที่น่ากลัวเล็กน้อย ทำให้เกิดเสียงดังขณะที่มันส่งเสียงพึมพำไปมา มันผสมผสานกับเสียงแตรรถที่ดังอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะมาหยุดบนเส้นทางเลียบกำแพงเก่า เราเห็นมหาสมุทรสีเขียวมรกตทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา มีประภาคารสีขาวอยู่ไม่ไกล และนี่คือจุดหมายแรกของเราในวันนี้

 

 

ประภาคารกอลล์เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกทางใต้สุดในเอเชีย ประภาคารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1848 เป็นประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา และมีอายุ 168 ปี ชาวบ้านชอบนั่งที่นี่และเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ตก แสงสีส้มอมม่วงค่อยๆ หายไปในเมฆ แต่ท้องฟ้ายังไม่มืด สองเท้าเลยได้เดินเล่นชมวิวใกล้ ๆ ซึ่งไม่ไกลจากประภาคารเป็นที่ตั้งของ “สุเหร่ามีรา ” (Meera Mosque) มัสยิดที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในเมือง มีอายุราว 300 ปี

นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึกในบริเวณใกล้เคียง เรียงรายไปด้วยอาหารพื้นเมือง ร้านกาแฟน่ารัก และร้านกาแฟ เรียกได้ว่ามีสิ่งดี ๆ มากมายซ่อนอยู่ในทุกมุมของเมืองเก่าแห่งนี้ ระหว่างทางคนขับก็อธิบายให้ฟังถึงสิ่งน่าสนใจสองข้างทางให้เราฟังอย่างละเอียด เสียงเบสที่ดังพยายามอธิบายสถานที่ต่างๆ แข่งขันกับเสียงลมและบรรยากาศโดยรอบ

 

Day 2 : เที่ยวศรีลังกา ลงเรือดูโลมา-วาฬ และไปนั่งรถจี๊ปส่องสัตว์แบบใกล้ชิด

 

 

ประเทศศรีลังกา เช้านี้ฉันกินข้าวเย็นบนรถ พวกเขาจำเป็นต้องรีบไปที่ท่าเรือมิริสซา เมืองทางใต้สุดของศรีลังกา เพื่อลงเรือทันเวลา เราก็มาถึงท่าเรือในขณะที่พระอาทิตย์ยังส่องแสงอยู่ทำให้เราได้รับวิตามินดีในปริมาณที่ดีต่อสุขภาพ บริเวณรอบท่าเรือเต็มไปด้วยเรือลำเล็ก เรือสองชั้นขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนคลื่นในมหาสมุทรจอดทอดสมออยู่เพื่อรอพานักสำรวจกลุ่มหนึ่งออกสู่ทะเลด้วย

เรือยังคงเคลื่อนออกจากท่าเรือต่อไป บ้าน ต้นไม้ และเรือที่จอดอยู่ก็เล็กลงเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นอีกต่อไป สิ่งที่เหลืออยู่คือผืนน้ำอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีเรือประมงชายฝั่งเพียงไม่กี่ลำที่ลอยอยู่ตลอดทาง เรานั่งมองตากันให้ไกลที่สุด ขณะที่เรือแล่นไป คลื่นลูกใหญ่ คลื่นแล้วคลื่นเล่า เลี้ยวซ้ายขวา แต่ในขณะนั้นฉันได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง “ขอถุงพลาสติกให้ฉันหน่อย” นั่นเป็นสัญญาณของอาการเมาเรือ คนหนึ่ง สองคน สามคน และมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในขณะที่ชายหนุ่มชื่อเรนเจอร์อยู่กับเรา เขาใช้ความเชี่ยวชาญในการแล่นเรือใบเพื่อตามหาผู้ปกครองท้องทะเลที่มีผิวสีเข้มและมีล่ำสัน

เรือขับวนไปวนมาเรื่อย ๆ จนเสียงโทรศัพท์ของ Ranger ดังขึ้น ทำให้ความเร็วของเรือเพิ่มระดับขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงทุ่มที่ตะโกนดังลั่นขึ้นมาว่า “Whale” และมือที่ชี้ไปด้านหน้า มองเห็นฝอยน้ำที่พ่นขึ้นมาเป็นวง ก่อนจะเห็นเพียบครีบหลังอยู่ลิบ ๆ และหายวับไปในพริบตา ไม่ทันที่กล้องในมือจะถ่ายภาพน่าจดจำเอาไว้ แต่ภาพนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม

 

บทความแนะนำ